ดัชนีบทความ |
---|
พ.ร.ก พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ ๒๕๓0 |
หน้าที่ 2 |
หน้าที่ 3 |
ทุกหน้า |
พระราชกำหนด พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. ๒๕๓๐
๑ การเสียภาษีต้องเป็นไปตามพระราชกำหนดนี้
มาตรา ๔ ของที่นำหรือพาเข้ามาในหรือส่งหรือพาออกไปนอกราชอาณาจักรนั้นให้เรียกเก็บและเสียอากรตามที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราอากรท้ายพระราชกำหนดนี้
ในการคำนวณเงินอากรที่ต้องเสียหรือจ่ายคืนแต่ละรายการเศษของหนึ่งบาทให้ปัดทิ้ง
มาตรา ๔/๑ ของที่นำเข้ามาในหรือส่งออกไปจากพื้นที่พัฒนาร่วมตามกฎ หมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย ให้เรียกเก็บและเสียอากรตามที่กำหนดไว้ในพิกัดอัตราศุลกากรท้ายพระราชกำหนดนี้ ทั้งนี้ ให้ลดอัตราอากรที่นำมาใช้ในการเรียกเก็บแก่ของดังกล่าวลงร้อยละห้าสิบ
ในการคำนวณเงินอากรที่ต้องเสียหรือจ่ายคืนแต่ละรายการ เศษของหนึ่งบาทให้ปัดทิ้ง
ของที่นำเข้ามาในพื้นที่พัฒนาร่วมตามวรรคหนึ่งหากเป็นของที่ได้รับความเห็น ชอบทางศุลกากร เครื่องมือเครื่องใช้ หรือวัสดุสิ่งของสำหรับใช้ในพื้นที่พัฒนาร่วมดังกล่าว และนำเข้าโดยองค์กรร่วมไทย – มาเลเซียตามกฎหมายว่าด้วยองค์กรร่วมไทย – มาเลเซีย หรือบุคคลใด ๆ ที่ได้รับอำนาจจากองค์กรร่วมนั้น ให้ได้รับยกเว้นอากร
ให้เรียกเก็บอากรจากของตามวรรคสามได้ เมื่อได้มีการหารือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณา จักรไทยกับรัฐบาลแห่งมาเลเซียแล้ว
มาตรา๕ ของใดที่ระบุอัตราอากรทั้งตามราคาและตามสภาพให้เสียอากรในอัตราที่คิดเป็นเงินสูงกว่า
มาตรา ๗ การสำแดงรายการในใบขนสินค้าขาเข้าและใบขนสินค้าขาออกนั้นมิให้ถือว่าบริบูรณ์ นอกจากจะสำแดงประเภทของและเกณฑ์ปริมาณที่ต้องใช้ในการเก็บอากรให้ถูกต้องครบถ้วนตามที่จำแนกและกำหนดไว้ในพิกัดอัตราอากรท้ายพระราชกำหนดนี้
มาตรา ๘ ของที่ต้องเสียอากรตามสภาพนั้น
(๑) ถ้าเป็นของประเภทอาหารที่บรรจุภาชนะโดยมีของเหลวหล่อเลี้ยงด้วย เพื่อประโยชน์ในการถนอมอาหาร น้ำหนักที่ใช้เป็นเกณฑ์คำนวณอากรให้ถือเอาน้ำ หนักแห่งของรวมทั้งของเหลวที่บรรจุในภาชนะนั้น
(๒) ถ้าบรรจุในหีบห่อหรือภาชนะใด ๆ เพื่อจำหน่ายทั้งหีบห่อหรือภาชนะและมีเครื่องหมายหรือป้ายแสดงปริมาณแห่งของติดไว้ที่หีบห่อหรือภาชนะนั้นเพื่อประ โยชน์ ในการคำนวณอากร อธิบดีกรมศุลกากรจะถือว่าหีบห่อหรือภาชนะนั้น ๆ บรรจุของตามปริมาณดังที่แสดงไว้ก็ได้
๒ กรณีหลีกเลี่ยงสิ่งครบชุดสมบูรณ์
มาตรา ๖ ถ้าอธิบดีกรมศุลกากรเห็นว่ามีการหลีกเลี่ยงอากรที่พึงเก็บแก่สิ่งที่สมบูรณ์แล้ว โดยวิธีนำสิ่งนั้นเข้ามาเป็นส่วน ๆ ต่างหากจากกัน จะเป็นในวาระเดียวกันหรือต่างวาระกันก็ดี ก็ให้เรียกเก็บอากรแก่ส่วนนั้น ๆ รวมกันในอัตราที่ถือเสมือนว่าเป็นสิ่งที่ได้ประกอบมาสมบูรณ์แล้ว
๓ อธิบดีกรมศุลกากรมีอำนาจประกาศราคาเฉลี่ย
มาตรา๙ของที่ต้องเสียอากรตามราคานั้น อธิบดีกรมศุลกากรจะประกาศเป็นครั้งคราวก็ได้ว่า ราคาศุลกากรสำหรับของประเภทหนึ่งประเภทใด กำหนดเป็นเงินเท่าใด ให้ถือราคาเช่นว่านี้เป็นเกณฑ์ประเมินเงินอากรในประเภทของที่ประกาศนั้นนับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลง
การประกาศการยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงประกาศในวรรคหนึ่งให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา