ดัชนีบทความ |
---|
ประกาศกระทรวงการคลังมีผลย้อนหลังขัดมาตรา๑0ทวิหรือไม่ |
หน้าที่ 2 |
หน้าที่ 3 |
ทุกหน้า |
ประกาศกระทรวงการคลังมีผลย้อนหลังขัดมาตรา๑0ทวิหรือไม่
ความเห็นคณะกรรมการกฤษฏีกาเรื่องเสร็จที่ ๑๙๓/๒๕๔๕
โดยทั่วไปการออกกฎหมายโดยฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อให้มีผลบังคับเปลี่ยนแปลงสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลที่มีอยู่ตามกฎหมายเป็นการย้อนหลังย่อมกระทำได้เสมอ หากจำเป็นและสมควรที่จะต้องออกกฎหมายให้มีผลย้อนหลังซึ่งการออกกฎหมายที่มีผลใช้บังคับย้อนหลังในทางที่เป็นคุณ โดยปกติย่อมกระทำได้ สำหรับกฎหมายว่าด้วยภาษีอากรซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บรายได้และนโยบายการคลังของรัฐนั้น โดยหลักแล้ว หากกฎหมายมีผลใช้บังคับย้อนหลังเป็นคุณแก่ผู้เสียภาษีอากร ย่อมกระทำได้ ซึ่งการออกประกาศกระทรวงการคลังตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากรฯ เป็นกรณีที่กฎหมายให้อำนาจแก่รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการคลังที่จะกำหนดเปลี่ยนแปลงพิกัดอัตราศุลกากรที่ใช้ในการคำนวณค่าภาษี เพื่อประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศหรือเพื่อความผาสุกของประชา ชนหรือเพื่อความมั่นคงของประเทศสำหรับกรณีของมาตรา ๑๒ และเพื่อปฏิบัติตามความผูกพันตามสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศสำหรับกรณีตามมาตรา ๑๔ ซึ่งในบางครั้งการประกาศ การยกเลิกหรือการเปลี่ยนแปลงเพื่อยกเว้นหรือลดอากรจากอัตราที่กำหนดไว้หรือที่เรียกเก็บอาจไม่สามารถดำเนินการล่วงหน้าได้ จึงจำเป็น ต้องออกประกาศเพื่อให้มีผลบังคับย้อนหลัง ส่วนมาตรา ๑0 ทวิ วรรคหนึ่ง และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรฯ เป็นการกำหนดเวลาสำหรับคำนวณค่าภาษีที่จะ ต้องเสียเท่านั้น การที่ประกาศกระทรวงการคลังมีผลใช้บังคับอัตราอากรศุลกากรย้อน หลังสำหรับของที่นำเข้า จึงมีผลให้ต้องคำนวณค่าภาษีใหม่ตามอัตราอากรใหม่ตั้งแต่เวลาที่มุ่งหมายใช้บังคับอัตราอากรใหม่เป็นต้นไป แต่มิได้มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงความรับผิดในการเสียค่าภาษีอากรตามมาตรา ๑0 ทวิ แต่อย่างใด การออกประกาศกระทรวงการคลังตามมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๔ แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุล กากรฯให้มีผลย้อนหลังในทางที่เป็นคุณแก่ผู้มีหน้าที่ต้องเสียค่าภาษีจึงสามารถกระ ทำได้
กรมศุลกากรได้มีหนังสือด่วนมากที่ กค ๐๖๐๕ / ๒๒๔๐ ลงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๔๕ถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สรุปความได้ว่าเนื่องจาก บริษัท เอ็ม เอช อี-ดีเมติกส์ (ที) จำกัด ได้นำเข้าสินค้าชิ้นส่วนโครงเหล็กเพื่อประกอบเป็นชั้นเก็บสิน ค้าจากประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๔๔โดยได้สำแดงชำระอากรพิกัด ๗๓๐๘.๙๐๐และลดอัตราอากรตามประกาศกระทรวงการคลังที่ศก๑๖/๒๕๔๒(อต.๑๖) เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ เหลือ ๑๐% แต่ต่อมาได้มีประกาศกระ ทรวงการคลัง ที่ ศก.๒/๒๕๔๔ (อต.๑๘) เรื่อง การลดอัตราอากรและการยกเว้นอา กรศุลกากรสำหรับเขตการค้าเสรีอาเซียน ลงวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ลดอัตราอากรสินค้าดังกล่าวเหลือ ๕% โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๔ เป็นต้นไป บริษัทฯ ดังกล่าวจึงได้ยื่นคำร้องลงวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๔๔ ขอคืนเงินอากรส่วนที่ชำระไว้เกิน